ศิลปะคริสเตียนยุคแรก (พ.ศ.640 - 1040)
และศิลปะไบเซนไทน์ (พ.ศ.1040 - 1996)
ศิลปะคริสเตียนในยุคแรกรับอิทธิพลมาจากศิลปะโรมัน อาคารในสมัยแรก
จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ถูกฆ่าเรื่องศาสนา วิหารพิธีเจิมน้ำมนต์ ผนังภายนอก
อาคารจะถูกปล่อยไว้เรียบ ๆ ทื่อ ๆ ผนังภายในอาคารจะประดับด้วยเศษหินสี
แวววาว ส่วนต่างๆของอาคารเช่น เสารายแบบโรมัน เสาก่ออิฐ หลังคาทรงโค้ง
แผนผังอาคารมี 2 แบบ คือ แบบชนิดตามยาว และแบบชนิดศูนย์กลาง ซึ่งมีราก
ฐานมาจากสถาปัตยกรรมโรมัน อาคารที่มีแนวยาวเหมาะสำหรับขบวนพิธีการ
ที่สง่างาม อาคารชนิดมีศูนย์กลาง สำหรับเป็นสถูปสถานของนักบุญคนสำคัญ
แต่ต่อมานิยมสร้างโบสถ์แบบมีศูนย์กลางกันมาก อาคารแบบมีศูนย์กลางอาจมี
หลายรูปทรง เช่น ทำเป็นรูปทรงไม้กางเขนกรีก อยู่ภายในรูปจัตุรัส หรือไม่ก็รูป
วงกลม โบสถ์ที่มีผังชนิดมีศูนย์กลางมักทำหลังคาทรงโค้ง หรือทรงกลมด้วย
อิฐหรือหิน อาคารทรงเรือนโถงขนาดใหญ่มักทำเครื่องบนหลังคาด้วยไม้ท่อน
จิตรกรรมมีทำบนฝาผนังและแผงไม้ ตลอดจนทำเป็นภาพประกอบเรื่องใน
หนังสือ เขียนด้วยสีฝุ่น สีขี้ผึ้งร้อน และสีปูนเปียกอย่างแห้ง แสดงรูปคนกำลัง
สวดมนต์ และภาพปาฏิหารย์ตอนสำคัญของพระผู้เป็นเจ้าที่นำมาจากพระคัมภีร์
เก่าและใหม่ หนังสือในสมัยแรก ๆ ทำมาจากหนังสัตว์และเป็นหนังสือม้วน
ภาพประกอบเรื่องในหนังสือแสดงให้เห็นความเป็นธรรมชาติ โดยแก้ไขให้
เป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่าจะเป็นธรรมชาติแท้ ๆ ลักษณะของภาพเป็นรูปแบน
และเป็นการใช้สีอย่างประหลาด ๆ
งานประติมากรรมในยุคคริสเตียนถูกลดความสำคัญ อันเนื่องมากจากบท
บัญญัติในพระคัมภีร์ เกี่ยวกับรูปเคารพบูชา ประติมากรรมมักจำกัดอยู่กับงาน
ขนาดเล็ก ๆ ได้แก่ งานแกะสลักรูปคนบนโลงศพ ถ้วยและจานโลหะ งานแกะ
สลักงาช้าง โกศบรรจุธาตุศักดิ์สิทธิ์
คำว่า "ไบเซนไทน์ " เรียกตามชื่อ จักรวรรดิไบเซนไทน์ ที่มีกรุงคอนสแตนติ
โนเปิล เป็นเมืองหลวง (ปัจจุบันคือกรุงอิสตันบูลเมืองหลวงของประเทศตุรกี)
ลักษณะศิลปะไบเซนไทน์ มีลักษณะคาบเกี่ยวกับศิลปะคริสเตียนอยู่มาก และยัง
มีสืบเนื่องกันต่อมาเป็นเวลาอีกยาวนาน โดยมีลักษณะศิลปะแบบตะวันออกมา
ผสมผสานอยู่ด้วย
ศิลปะโรมาเนสก์ (พ.ศ.1540 - 1740)
สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์เป็นการก่ออิฐฉาบปูน มีหลังคาทรงโค้งกากบาท
และมีลักษณะสำคัญ คือ
1. มีความหนักแน่น ทึบคล้ายป้อมโบราณ
2. มีโครงสร้างวงโค้งอย่างโรมัน
3. มีหอสูง 2 หอ หรือมากกว่านั้น
4. มีช่องเปิด ตาหน้าต่างหรือประตูทำเป็นโครงสร้างวงโค้งวางชิด ๆ กัน
5. มีหัวคานยื่นออกนอกผนัง เป็นคิ้วตามนอนนอกอาคาร
6. มีหน้าต่างแบบวงล้อ เป็นรูปวงกลมที่ถูกแบ่งออกเป็นซี่
สำหรับงานศิลปกรรมอื่น ๆ ส่วนมากมักเป็นงานแกะสลักงาช้างขนาดเล็ก ๆ
หรือไม่ก็เป็นงานที่เขียนบนหนังสือแบบวิจิตร เรื่องราวของงานศิลปะจะนำมา
จากพระคัมภีร์ฉบับเก่าและใหม่ ตำนานโบราณ ชีวประวัตินักบุญ รูปเปรียบ
เทียบความดีกับความชั่ว หรือลวดลายต่าง ๆ เป็นรูปดอกไม้ และรูปเราขาคณิต
ศิลปะโกธิค (พ.ศ. 1690 - 1940)
ศิลปะโกธิคเริ่มต้นจากฝรั่งเศส ปลายพุทธศตวรรษที่ 17 และแพร่หลายไปยัง
ประเทศอื่น ๆ และมัลักษณะตามภูมิภาคนั้น ๆ ด้วย ลักษณะสำคัญของสถาปัตย
กรรมแบบโกธิค คือ มีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมา
เป็นลายเส้นอันซับซ้อน ทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยม
ทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้จะหาดูได้
จากมหาวิหารในฝรั่งเศส เช่น มหาวิหารเซนต์เดอนิส มหาวิหารโนยง มหา
วิหารลาออง มหาวิหารอาเมียง มหาวิหารปารีส เป็นต้น
จิตรกรรมสมัยโกธิค มีพื้นที่เขียนภาพบนฝาผนังน้อยลง เพราะสถาปัตยกรรม
มีช่องเปิดมาก ดังนั้นจึงมักเน้นไปที่การออกแบบกระจกสีบานหน้าต่าง สำหรับ
การเขียนภาพในหนังสือเขียน มักจะแสดงรูปคนที่สะโอดสะอง ในชุดเสื้อผ้า
อาภรณ์ที่พลิ้ว และโค้งไหวอย่างอ่อนช้อย