ความสำคัญของสี |
การใช้สีในยุคสมัยต่าง
ๆ
อียิปต์โบราณ
ในสมัยอียิปต์โบราณ
การใช้สีมีความสัมพันธ์กับพิธีกรรม และเรื่องราวที่เกี่ยวกับศาสนา
การระบายสีไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงทางทัศนียวิทยา หรือหลักความเป็นจริง เป็นภาพที่ไม่มีแสงเงา
เป็นรูปแบนระบายสีที่สว่างสดใส มองเห็นชัดเจน
โดยใช้เทคนิคสีฝุ่นผสมไข่ขาว (egg tempera)
หรือใช้ไข่ขาวเคลือบบนผิวที่เขียนด้วยสีฝุ่นผสมน้ำ
กรีกโบราณ
ผลงานในสมัยกรีกโบราณ ที่เห็นชัดเจนจะได้แก่งานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม
จะพบเห็น
งานจิตรกรรมค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยปรากฏงานจิตรกรรมฝาผนัง
แต่จะพบในงานวาดภาพระบายสี
ตกแต่งเครื่องปั้นดินเผา จะนิยมใช้สีเพียง
2 - 3 สี คือ ขาว เหลือง แดง และเคลือบดำ
โรมันโบราณ
นิยมสร้างภาพบนผนังและพื้นห้องประดับด้วยโมเสค
(Mosaic) สำหรับการวาดภาพใช้เทคนิค
ผสมไข (Encaustic painting)
ซึ่งเป็นการใช้สีผสมกับไขระบายในขณะที่ยังร้อน ๆ จากการค้นพบ
หลักฐานผลงานในสมัยโรมันหลาย ๆ แห่ง นิยมสร้างเป็นภาพในเมือง
ชนบท ภูเขา ทะเล
การต่อสู้ กิจกรรมของพลเมือง การค้าขาย
กีฬา เรื่องเกี่ยวกับนิยายปรัมปรา และประวัติศาสตร์
คริสเตียนยุคแรก
ในยุคไบเซนไทน์ (Bizentine)
ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของคริสเตียนนิยมสร้างภาพโดยใช้โมเสค
กระจก( Glass Mosaic)
ทำเป็นภาพบุคคลสำคัญในพระคัมภีร์ไบเบิล ประดับตกแต่งภายในโบสถ ์
โดยมากมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงถึงความศรัทธาอย่างสูงต่อศาสนาคริสต์
การใช้สีในจิตรกรรมไทย
จิตรกรรมไทย เป็นงานวิจิตรศิลป์ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม
อันดีงามของชาติ มีคุณค่าทางศิลปะและเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
ศาสนา
และโบราณคดี จิตรกรรมไทยแบ่งออกได้
2 ประเภท คือ
1 จิตรกรรมไทยแบบประเพณี (Thai
Traditional painting) เป็นงานจิตรกรรมที่แสดงความรู้สึกชีวิตจิตใจ
และความเป็นไทย ที่มีความละเอียด
อ่อนช้อยงดงาม สร้างสรรค์สืบต่อกันมาตั้งแต่อดีต และสังเคราะห์จนได้
ลักษณะประจำชาติ ที่มีรูปแบบเป็นพิเศษเฉพาะตัว
เป็นงานศิลปะในแบบอุดมคติ (Idialistic Art)
นิยมเขียน
เป็นภาพที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวต่าง
ๆ คือ
1.1 พุทธประวัติ และเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องกับศาสนาพุทธ
1.2 พงศาวดาร ตำนาน เรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์
เรื่องคตินิยมอันเป็นมงคล
1.3 วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม ประเพณีต่าง
ๆ
ลักษณะของผลงานเป็นภาพจิตรกรรม ระบายสีแบนเรียบด้วยสีที่ค่อนข้างสดใส
แล้วตัดเส้นมีขอบ
ที่คมชัด ให้ความรู้สึกเป็นภาพ
2 มิติ มีลักษณะในการจัดวางภาพแบบเล่าเรื่องเป็นตอน ๆ จากบนลงล่าง
มีวิธีการใช้สีแตกต่างกันออกไปตามยุคสมัย ทั้งสีเอกรงค์ และพหุรงค์
2 จิตรกรรมไทยร่วมสมัย (Thai
Contemporary painting) เป็นงานจิตรกรรมที่แสดงออกถึงวัฒนธรรม
และแนวความคิดใหม่ ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เป็นรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลจากงานศิลปะตะวันตกที่นำมา
ผสมผสานกับรูปลักษณ์แบบไทย
ๆ แล้วสร้างสรรค์เป็นรูปแบบใหม่ขึ้น
สีที่ช่างนำมาใช้ในงานจิตรกรรมแต่เดิมนั้นมีน้อยมาก มักใช้สีเดียว ที่เรียกว่า
"เอกรงค์" โดยใช้สีขาว
สีดำและสีแดงเท่านั้น ทำให้เกิดความกลมกลืนกันมาก
ต่อมาสีที่ใช้ในภาพจิตรกรรมก็มีมากขึ้น มีการเขียนภาพ
ที่เรียกว่า"เบญจรงค์" คือใช้สี 5
สี ได้แก่ สีเหลือง เขียวหรือคราม แดงชาด ขาว และดำ
การวาดภาพที่ใช้
หลาย ๆ สี เรียกว่า "พหุรงค์" สีที่ใช้ล้วนได้มาจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่
และมีที่กำเนิดต่าง ๆ กัน บางสีเป็น
ธาตุจากดิน บางสีได้จากสัตว์ จากกระดูก
เขา งา เลือด บางสีได้จากพืช ลักษณะของสีที่นำมาใช้มักจะทำเป็น
ผงละเอียด ซึ่งเรียกว่า สีฝุ่น
( Tempera) นำมาผสมกับวัสดุอื่นเพื่อให้ยึดเกาะผิวหน้าวัตถุได้ดี
ได้แก่ กาวหรือ
ยางไม้ ที่นิยมใช้คือ ยางของต้นมะขวิด
และกาวกระถิน ลักษณะเด่นของจิตรกรรมไทยอีกอย่างหนึ่งคือ การปิด
ทองคำเปลวในบางส่วนของภาพที่มีความสำคัญ
เช่น เป็นเครื่องทรงหรือเป็นผิวกายของของบุคคลสำคัญในเรื่อง
เป็นส่วนประกอบของปราสาทราชวัง หรือสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ๆ ในภาพ เป็นต้น